Sunday, November 30, 2008

Angel wings(really?)

Photobucket



What do you think when you see this picture...

.....

....

...

..

"เห็นแก่ตัว" นี่เป็นคำแรกที่เรานึกออก เมื่อเห็นภาพนี้ "เห็นแก่ตัว" คำง่ายๆที่มีความหมายครอบคลุมพอสมควร ความหมายในที่นี้ คือเห็นแก่ตัวชนิดที่จะเอาเปรียบผู้อื่น "เราได้ก็แล้วกัน คนอื่นไม่ได้ก็ไม่เป็นไร" เสรีนิยม บอกกล่าวถึงความมีเสรีภาพที่ใครจะสนองตัณหาตนเองเท่าไหร่ก็ได้ หากว่ายังอยู่ในกรอบที่เหล่าผู้ตั้งกฎไม่เห็นว่าผิด เป็นเหตุให้เหล่าผู้คนหาช่องทางและอ้างเสรีภาพ ควักเอาความเห็นแก่ตัวของตัวเองมาแผ่หลาให้คนอื่นเห็น ทุนนิยมที่บูชาเงินตราและอำนาจ เพื่อสร้างสรรค์โอกาสแห่งความโลภต่อผลประโยชน์ที่ต้องแข่งกันไขว่คว้า มือใครยาวและสาวได้เร็วกว่าก็ได้รับก้อนเค้กอันแสนกลมกล่อมด้วยกลิ่นเงินตราและอำนาจ ที่อาบด้วยน้ำตาแห่งความปวดร้าวของผู้อื่น ทุนนิยมสามานย์นี้เองเป็นตัวกระตุ้น ความเห็นแก่ตัวให้ออกมาเพ่นพ่านมากขึ้น หันมองสอดส่องสายตาไปทางไหนๆ ก็มองเห็นแต่ความเห็นแก่ตัวที่ห่อหุ้มร่างของผู้คนอยู่แทนผิวหนัง แถมบางครั้งยังเปิดเผยออกมาให้เห็นกันจะๆ อย่างไม่หลงเหลือความยางอายอีกต่อไป บางคนเลือกที่จะปกปิดความเห็นแก่ตัวด้วยการใช้วาจาอ่อนหวาน วางมาดผู้รู้มาปกคลุมร่างแทนเครื่องนุ่งห่ม เพื่อหว่านล้อมให้ผู้คนคล้อยตาม เพื่อสนองตัณหาส่วนตัว จะเป็นไรมั๊ย ถ้าคนเราเลือกที่จะ "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" มันยากนักหรือกับการที่รู้จักคิดถึงใจคนอื่น เห็นใจคนอื่น และคิดเปรียบเทียบดูว่า ถ้าเราเป็นเขา เราจะรู้สึกอย่างไรถ้ามีคนมาปฏิบัติหรือพูดกับเรา ในแบบที่เรากำลังจะทำหรือพูดออกไป เหมือนกับว่าจริยธรรมในจิตใจของผู้คนได้ถดถอยลงสวนทางกับระดับการศึกษาที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน จริงอยู่กับการที่คนๆหนึ่งพยายามที่จะบอกว่า เอาใจเขาซึ่งในที่นี้หมายถึงเอาความคิด ความรู้สึกของคนอีกคนหนึ่งมาคิดเสมือนว่าตนเองคือผู้ถูกกระทำนั้น ผลลัพธ์มันย่อมได้ไม่เท่ากันแน่นอนด้วยปัจจัยต่างๆ แต่มันก็ยังดีกว่าการไม่ใส่ใจเลยไม่ใช่หรือ!!!

ขอให้ความสุขจงอยู่กับคนที่เอาใจเขามาใส่ใจเราทุกคน

----------------------------------------------------------------

- ตุ๊กตา -

ตุ๊กตา ถ้าใช้เปรียบกับผู้หญิงความหมายที่ออกมา มันจะดีหรือไม่ดีนะ ตุ๊กตาอะไรทำไมไม่ระบุ!! ตุ๊กตาหมี ตุ๊กตาบาร์บี้ ตุ๊กตาผี ตุ๊กตาหน้ารถ หรือตุ๊กตายาง!!! เรามักจะโดนเปรียบเทียบกับคำนี้บ่อยๆ(ตุ๊กตาเฉยๆนะ ไม่ใช่ตุ๊กตายาง!!) แต่โดยส่วนตัวเราแล้วกลับรู้สึกแปลกๆกับประโยคที่ว่า "เหมือนตุ๊กตาจัง" เค้าหมายความว่าไง!! จากการสอบถามคนส่วนใหญ่ความหมายก็ออกมาในทางที่ดี ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากความเอ็นดู แต่ตัวเราทำไมกลับไม่ยินดีซักเท่าไหร่ที่เหมือนตุ๊กตา เพราะตุ๊กตาตัวนี้มักจะถูกมองข้ามอะไรหลายๆอย่างไป เนื่องจากถูกยัดเยียดว่าเป็น ตุ๊กตา!!

maDniCki

Thursday, November 27, 2008

แปลกที่เขา หรือเราแตกต่าง???






วันนั้นเรานั่งรถไฟฟ้า ในช่วงเวลาที่ผู้โดยสารค่อนข้างแน่น
ทั้งนักศึกษา , คนทำงาน , แม่บ้าน-เด็กเล็กเลิกเรียน วัยรุ่นชายสองคน ขึ้นมาพร้อมกับเรา ยืนตรงประตูตอนแรกเราคิดว่าพวกเขาจะลงที่สถานีหน้า แต่ปรากฎว่าผ่านไปหลายสถานี เขาก็ยังยืนอยู่ตรงนั้น ผู้โดยสารอื่นที่ขึ้น-ลง ต้องเอียงตัวหลบดูเกะกะ ทุลักทุเลโดยไม่จำเป็น เมื่อรถจอดที่สถานีอนุเสาวรีย์ฯ มีผู้โดยสารทะยอยลงเป็นจำนวนมากต่างคนต่างรีบเบียดเสียดกันชุลมุน แม่บ้านคนหนึ่งจูงมือเด็กนักเรียนตัวเล็ก ยังไม่ทันก้าวพ้นจากตัวรถประตูก็เลื่อนปิดหนีบตัวเด็กจนร้องเสียงดัง ก่อนที่จะหลุดพ้นออกไป เรามองหน้าวัยรุ่นที่ยืนตรงประตูนั้น แล้วส่งคำถามด้วยสายตาประมาณว่า ตอนที่ประตูกำลังจะปิด ทำไมมรึงไม่เอาteenยันไว้ซักหน่อย อย่างน้อยก็ช่วยลดแรงกระแทกให้เด็ก หรือไม่งั้น มรึงก็ควรไปยืนให้ห่างจากทางออก เพื่อเปิดทางให้คนอื่นขึ้น-ลงได้สะดวก ทันเวลาก่อนประตูรถปิด "น้องยืนตรงนั้น มันขวางทางคนอื่นนะคะ" เราพูดออกมา เพราะคิดว่าเขาคงไม่เข้าใจสายตาของเรา พวกเขามองหน้าเราอย่างไร้อารมณ์ หันไปซุบซิบกันเองแล้วเบือนหนี ส่วนผู้โดยสารคนอื่นก็ไม่มีปฏิกิริยาใดใด ต่างคนต่างนั่งก้มหน้ามองเท้าตัวเอง มีบางคนหันมามองเราแบบ งง งง บางคนมองออกนอกหน้าต่างไม่มีใครเป็นทุกข์กับประตูที่หนีบเด็ก ไม่มีใครเป็นไข้ตัวร้อนเพราะวัยรุ่นที่ยืนเกะกะ หรือนี่เป็นภาพที่พวกเขาชินตา ประตูรถไฟฟ้าอาจจะหนีบเด็กทุกวันและตู้ขบวนไหนก็มีคนยืนออเต็มประตูเป็นเรื่องปกติ เพราะรถมันแน่นจะให้ทำไง?? ความจริงเราก็ไม่น่าเดือดร้อนอะไร เด็กนั่นไม่ใช่ลูกในไส้ของเรา ส่วนพวกที่ยืนออที่ประตูนั้น ก็ไม่ได้มายืนเหยียบกระดูกไขสันหลังของเรา นาทีนั้น เรารู้สึกเหมือนเป็นคนแปลก ชาที่ใบหน้า บอกไม่ถูกว่าโกรธเด็กวัยรุ่นหรืออายผู้โดยสารเหล่านั้น เราลงจากรถที่สถานีถัดไป ทั้งที่ยังไม่ถึงจุดหมายยืนเหม่อคิดไปเรื่อยเปื่อย มองดูผู้คน รถรา ตึกสูง พยายามทำความเข้าใจกับผู้คนร่วมเส้นทางที่ไม่ยินดียินร้าย ในเรื่องที่ไม่กระทบต่อชีวิตหรือทรัพย์สินของตน พยายามเข้าใจเด็กวัยรุ่นที่ไม่มีวิจารณญาณในสิ่งที่ควร-ไม่ควร ที่ครูเคยสอนๆมาในวิชา สลน. สมัยประถม ไม่มีสัญชาตญาณในการช่วยเหลือผู้อื่นแม้แต่เรื่องเล็กน้อย ทำไม เกิดอะไรขึ้นกับเด็กสมัยนี้???



-------------------------------------------------------

"ลุง" เขาเป็นใคร ทำไมต้องไปส่ง


พอเขียนเรื่องข้างบนจบ ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้
ณ สี่แยกไฟแดงแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุยามบ่าย ลุงยืนถือไม้เท้า สวมแว่นดำ ซึ่งใครๆก็น่าจะดูออกได้ง่ายๆว่าลุงแกตาบอด รูปพรรณ-สัญฐานแบบนี้ก็สามารถพบเห็นได้ทั่วในละครหลังข่าว เรานึกสงสัยว่าทำไมไม่มีใครสังเกตุเห็นลุง(ตัวลุงก็ไม่ใช่เล็กๆนะนั่น)ที่กำลังหันซ้ายหันขวา ไม่รู้จะไปทางไหน หรือเค้าคิดว่าลุงใส่แว่นดำเท่ๆ ยืนเต๊ะถือไม้เท้าโชว์สาวอยู่ เสียงการจราจรอันแออัดคับคั่งส่วนหนึ่งก็มาจากเสียงแตรรถ และนกหวีดของคุณตำรวจจราจร ปิ๊ดๆๆๆๆ ปรี๊ดดดดดดดดด แปร๊นๆๆๆ แปร๊นนนน ดังก้องอยู่ในโสตประสาทของเราราวกับคุณตำรวจเข้ามายืนมาเป่นกหวีดในรูหู เราเชื่อว่านั่นคงจะยิ่งทวีคูณความตื่นเต้นให้ลุง(คิดดูเหอะ....ตาก็มองไม่เห็น ยังจะมาปิ๊ดๆแปร๊นๆไล่แกอีก) มองไปทางไหนแต่ละคนดูต่างก็รีบเร่งเพื่อจะไปให้ถึงที่หมายของตัวเองให้เร็วที่สุด โดยเลือกที่จะมองข้ามลุงไป คนพวกนั้นอาจจะคิดว่าไม่ใช่เรื่องของเรา หรือไม่ก็คิดว่า ลุงตาบอดแล้วไปยืนกลางถนนทำไม หาเรื่องจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ เราตัดสินใจที่จะก้าวออกไปหาลุงคนนั้นพร้อมๆกับผู้ชายอีกคน ถ้าใครอยู่แถวนั้นคงจะเห็นภาพ ผู้หญิงตัวเล็กๆกับชายหนุ่มผอมกะหร่องอีกคนประคองลุงกลางสี่แยก เราสองคนช่วยกันประคองลุงตาบอดข้ามถนนมาได้อย่างปลอดภัย ก่อนที่เราจะห้ามลุงทัน ลุงแกก็ยกมือไหว้สองคนท่วมหัวพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ "เดี๋ยวนี้ ไม่มีใครสนใจคนตาบอดกันหรอก ผมขอบคุณพวกคุณมากนะครับ ผมกำลังจะเอาเสื้อในไปบริจาคตามในโทรทัศน์" เราคาดว่าลุงคงฟังรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง ที่มีสี่สาวฝีปากกล้าเป็นพิธีกรเป็นแน่แท้ เลยจิ๊กชุดชั้นในภรรยามาหย่อนตู้บริจาคแก่ผู้ยากไร้ ไม่มีจะใส่ประคองเต้า ดูเอาแล้วกัน ลุงแกตาบอดแต่ก็คิดที่จะช่วยเหลือคนที่ยากไร้ เมื่อลุงแกเดินจากไป เรากับผู้ชายคนนั้นก็หันมายิ้มให้กัน ก่อนจะแยกย้ายกันไป ด้วยความรู้สึกพองโตในหัวใจที่ได้ทำเพื่อคนอื่น คืนนั้นเราเอาสิ่งที่เกิดขึ้น และคำพูดของลุงกลับไปนอนคิดพร้อมๆกับกอดหมอนข้างไปพลางๆ ทำไมคนเราถึงเลือกที่จะทำเพื่อตัวเองก่อนและเลือกที่จะมองข้ามคนอื่น ไปถึงที่ทำงานเร็วกว่าคนอื่น 5 นาที มันจะทำให้คุณได้เงินเดือนมากกว่าคนอื่นงั้นหรือ เราไม่ได้บอกว่าการตรงต่อเวลาเป็นสิ่งที่ไม่ดีนะ เราถูกสอนเรื่องการตรงต่อเวลามาตั้งแต่จำความได้ แต่บางครั้งการหยุดช่วยเหลือคนอื่นก็อาจจะทำให้สังคมเราดีกว่านี้ก็เป็นไปได้ พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า "ทำดี ย่อมได้ดี" เราขอหยอดความดีใส่กระปุกสะสมไว้ก่อนก็แล้วกัน




*วันก่อนดูรายการเกมยกสยาม พูดถึงเปรตจิ้มลิ้ม เปรตจิ้มลิ้มจะเป็นยังไง ค่อยกลับมาถึงเขียนแล้วกัน วันนี้ขอไปปั่นรายงานก่อน



**ควิซอิ้ง โฮะๆๆ ชำนาญนักไอ้เรื่องแก้คำถูกให้มันผิดเนี่ยยย อย่าหวังเรื่องลอกข้อสอบเลย เคยลอกคนอื่น ก็เจือกลอกผิดข้อซะงั้น พรสวรรค์จริงๆ "อัตตาหิ อัตตโน นาโถ" ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน แล้วก็เอาคะแนนน่ารักๆกระจุ๋มกระจิ๋มมานอนกอดทั้งคราบน้ำตา - -"



***ภาษาไทยเขียนซะคล่อง...(ฮา)

Thursday, November 20, 2008

ESTABITz first project.... by maDniCki

T-shirt graphics that I designed for my team "ESTABITz"


Photobucket


Photobucket





Photobucket




Photobucket


If you have some other different idea, please feel free to tell me.
I still need more ideas for my project.




What is ESTABITz?

...

...

...



If you want to know..

Even we are the small community here, but we got to show that we never left someone behind!!
You'll know that how is friendship means to you.....