Friday, October 23, 2009

อาหารกระป๋องที่ชื่อว่า”ความรัก”

เนื่องด้วยอารมณ์ที่แปรปรวน ค่อนไปทางจิตตก วันนี้เราจึงบ้าพลังอัพบล๊อกถึงสองครั้ง เริ่มด้วยเรื่องที่เราเคยเขียนไว้และด้วยภารกิจบางอย่าง จึงเป็นเหตุให้ต้องทิ้งค้างไว้ วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่เราจะได้เขียนต่อให้จบ

“ความรักมีวันหมดอายุได้ด้วยเหรอพี่...”

ประโยคที่ “พลอย” ถามกับ “วิทย์” ระหว่างทั้งคู่นอนคุยกันอยู่บนเตียง
เริ่มด้วยประโยคจากหนังที่อาร์ต(หรือที่ใครๆมักจะเรียกว่าติสแตก) เรื่อง ”พลอย” หนังที่ ”คุณเป็น เอก รัตนเรือง” กำกับ โดยส่วนตัวแล้วเรายังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้หรอก เพื่อนเราหลายๆที่ไปดูมามักจะบ่นกันว่าหนังติสเกิน ดูไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ไม่เคลียร์ มีคนนึงเล่าให้ฟังว่าไปดูหนังเรื่องนี้กับครอบครัวมา พอหนังจบก็เกิดคำถามขึ้นมากมาย จนทั้งครอบครัวต้องมานั่งถกกันต่อ จนมันบ่นว่า

“นี่ กรูเสียตังค์มาดูหนัง แล้วกรูยังต้องมานั่งปวดหัวเป็นวันอีกหรอเนี่ย”

“แถมยังทำให้ครอบครัวแตกแยกอีก” (เนื่องจากความเห็นไม่ตรงกัน ฮ่าๆ)

แต่ เราพอจำได้คร่าวๆว่าคุณเป็นเอกบอกว่าหนังเรื่องนี้มาจากการคุยกับเพื่อนๆที่ แต่งงานมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว คุณเป็นเอกบอกว่าจากการที่ได้พูดคุยกับเพื่อนเหล่านี้ก็ไม่เห็นมีใครที่มี ความสุขจริงๆกันซักคน คำตอบของเพื่อนทำให้คุณเป็นเอกเกิดคำถามมากมายว่าชีวิตคู่มันแย่อย่างนั้น เลยหรือ แล้วชีวิตคู่ที่สมบรูณ์พร้อมล่ะมีอยู่จริงๆรึเปล่า หรือว่าเราตั้งเงื่อนไขกับความรักกันมากเกิดไป...

วันนี้หลังจากที่เราได้สนทนากับคนๆนึงสัพเพเหระตามประสาคนคุ้นเคย จนมาถึงเรื่องความรักเค้าคนนั้นได้พูดถึงประโยคๆนี้ ขึ้นมา พอเค้าคนนั้นพูดขึ้นมา ก็ทำให้เรานึกขึ้นได้ว่า เราเองก็เคยได้ยินประโยคนี้จากหนังตัวอย่างเหมือนนี่นา ประโยคนี้ถือได้ว่าเป็นประโยคทองของหนังเรื่องนี้เลยทีเดียว หลังจากวางสายไป ประโยคนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเรา จนทำให้เรามานั่งคิดตามว่า

“เออ แล้วความรักมันหมดอายุได้จริงๆเปล่า”

ถ้าความรักมันหมดอายุจริงๆ ถ้างั้นมันก็คงจะดีนะถ้าข้างๆตัวคนที่เราจะเลือกมาเป็นคนรักมีฉลากระบุวันหมดอายุเหมือนอาหารกระป๋อง(คงดียิ่งกว่านั้นถ้ามันพ่วงวิธีใช้ คำแนะนำ และคำเตือนมาด้วย เราจะได้บริโภคมันอย่างถูกวิธีและไม่มีพิษภัย) เพื่อน เราคนหนึ่งเปรียบความรักเหมือนกับอาหาร โดยบอกว่าเมื่อกาลเวลาทำปฏิกิริยากับเครื่องปรุงที่ก่อกำเนิดความรัก ความรักที่ดั้งเดิมบริสุทธิ์จะถูกสั่นคลอนด้วยสิ่งแวดล้อมและกาลเวลา ทำให้บางครั้งเปรี้ยว บางครั้งหวาน บางครั้งขม แต่มันจะอยู่ตราบเท่าที่หัวใจเรายังจดจำ หากว่ากาลเวลาจะไม่ทับถมจนมันจมหายไป(ซึ่งเราก็แนะนำให้มันใส่สารกันบูด จะได้หมดเรื่องไป ซึ่งมันก็เถียงอีกว่าสารกันบูดเป็นสารเคมี มีพิษสะสมในร่างกาย เป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว อืมม..จริง) อีกคนบอกว่าความรักของมันเหมือนกับมาม่า(เพื่อนคนนี้ออกแนว อาภัพรัก) แค่ 6 เดือนหมดอายุ มันบอกกับเราว่ากินมาม่าแรกๆก็อร่อย กินบ่อยๆเข้าก็รู้ว่าอร่อยแบบฉาบฉวย ไม่นานก็เลิกกิน แถมผงชูรสเยอะ...หัวล้านอีก แรกๆรักกัน รักต้มไม่สุข ก็ค่อยๆเติมน้ำทีละนิดทีละนิด เต็มมากไปเส้นก็อืดอีก กินไม่อร่อย เก็บไว้ก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร มีสถานเดียวคือทิ้ง!!! เพื่อนเราบอกว่ามันชอบมาม่าแบบสุกพอดีๆ มันบอกอีกว่า

“หายากนะ ต้มมาม่าแต่ละครั้ง แกว่าแกได้อร่อยเหมือนกันทุกครั้งรึเปล่า”

“มันต้องกะให้พอดีไง ทั้งน้ำและเวลา”

“ต้มน้ำเดือดเทใส่ เข้าเวฟต่ออีกสักนาที กำลังอร่อย” เราตอบไป

“อืม เนอะ ชั้นเองก็ไม่ประณีตเวลาทำมาม่าเอง มันถึงอร่อยไม่เท่ากันทุกครั้ง” มันว่า

ไปๆ มาๆ มาลงท้ายด้วยการทำมาม่าได้ไงเนี่ย แต่เอาเถอะต่างคนต่างความคิดต่างมุมมองแต่โดยรวมๆที่ทุกคนต่างก็มีความคิด ที่ตรงกันก็คือ ความรักนั้นต้องการการดูแลเอาใจใส่ทุกขั้นตอน เพื่อปรุงรสความรักนั้นให้มีรสชาติอร่อยและถนอมมันให้อยู่กับเราไปนานๆ...

No comments:

Post a Comment

Comment ^_^